Vitamin C เจ้าแห่งวิตามินที่ไม่เคยเก่าเลย-by-Doctor-Healthcare
ความรู้สุขภาพเมื่อกล่าวถึงวิตามิน ส่วนใหญ่มักรู้จักวิตามินซีตั้งแต่เมื่อเรายังเด็ก อาจเป็นเพราะวิตามินซีเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เด็กยอมไปพบแพทย์ วิตามินซีถูกจัดเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ร่างกายเรามีการขับวิตามินซีออกไปทุกวัน ดังนั้นในแต่ละวัน เราจึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีในปริมาณที่เพียงพอของแต่ละช่วงอายุ ความจริงแล้ววิตามินซีมีทั้งในรูปแบบทานและแบบทาให้ซึมเข้าสู่ผิวหนัง อีกชื่อทางวิทยาศาสตร์ของวิตามินซี คือ แอสคอบิค เอซิด (ascorbic acid) ที่เรามักคุ้นจากส่วนประกอบในเครื่องสำอางค์นั่นเอง
วิตามินซีมีประโยชน์อย่างไร
- ใช้ในกระบวนการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนประกอบของกระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อของร่างกาย และกระบวนการหายของแผลตามธรรมชาติ
- ลดและป้องกันภาวะเซลล์ถูกทำลาย ลดการเกิดโรคหัวใจหลอดเลือด มะเร็ง
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ลดระยะเวลาและความรุนแรงขณะเป็นหวัด
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยทำให้สารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นที่ใช้แล้ว นำกลับมาใช้ใหม่ได้
- เสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่นของหลอดเลือด
- ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากพืช
เราควรได้รับวิตามินซีเท่าไร
ปริมาณวิตามินซีขั้นต่ำที่ร่างกายควรได้รับ เพื่อป้องกันการเกิดโรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟันแตกต่างกันขึ้นกับอายุ ดังนี้
อายุ |
ชาย |
หญิง |
ตั้งครรภ์ |
ให้นมบุตร |
0–6เดือน |
40 มก. |
40 มก. |
||
7–12เดือน |
50 มก. |
50 มก. |
||
1–3 ปี |
15 มก. |
15 มก. |
||
4–8 ปี |
25 มก. |
25 มก. |
||
9–13 ปี |
45 มก. |
45 มก. |
||
14–18 ปี |
75 มก. |
65 มก. |
80 มก. |
115 มก. |
19 ปีขึ้นไป |
90 มก. |
75 มก. |
85 มก. |
120 มก. |
ผู้ทีสูบบุหรี่ |
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ต้องได้รับปริมาณเพิ่มเติม 35 มก. เพื่อเทียบกับคนทั่วไปในอายุและเพศเดียวกัน |
ไม่ควรบริโภคเกิน : 600 – 1200 มก. ในเด็กโต
1800 – 2000 มก. ในผู้ใหญ่
**หากบริโภคเกินกว่าปริมาณข้างต้นนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
เราได้รับวิตามินซีเพียงพอหรือไม่
โดยปกติคนส่วนใหญ่ได้รับวิตามินซีจากอาหารและผักผลไม้ที่ทาน ปริมาณมากน้อยแตกต่างกันตามชนิดของอาหารที่เลือกทาน แต่จะมีคนบางกลุ่มที่เสียงต่อการขาดวิตามินซีมากกว่าคนอื่น ได้แก่
- ผู้ที่สูบบุหรี่และผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ เนื่องจากร่างกายดึงวิตามินซีไปใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระต่อสู้และฟื้นฟูเซลล์จากสารพิษในบุหรี่
- เด็กที่เลี้ยงด้วยนมข้นจืดหรือนมวัวต้ม นมทั้ง 2 ชนิดนี้มีปริมาณวิตามินซีน้อยอยู่แล้ว และตัววิตามินซีเองจะถูกทำลายด้วยความร้อน ดังนั้นตามข้อมูลโภชนการแล้ว พบว่ามีวิตามินซีในนมเหล่านี้น้อยมาก
- วิตามินซีพบได้มากในผักและผลไม้ คนที่เลือกทานหรือจำกัดอาหารหลายชนิด มีโอกาสได้รับวิตามินน้อยกว่าคนทั่วไป
สัญญาณของการขาดวิตามินซี
อาการที่บ่งชี้ได้เด่นชัดว่ากำลังขาดสารอาหารวิตามินซี คือ เลือดออกตามไรฟัน (Scurvy) แต่นั่นหมายความว่า ขาดสารอาหารมากจนถึงขั้นแสดงอาการแล้ว และเสี่ยงที่จะเกิดผลเสียต่อส่วนอื่นของร่างกายได้ อาการที่พบได้จากการได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอเรียงตามลำดับได้ ดังนี้
-เหนื่อยเพลียซึ่งเป็นผลมาจากประสิทธิภาพที่ลดลงของกระบวนการสังเคราะห์คาร์นิทีน ปวดเมื่อยตามตัว เหงือกอักเสบบวม
-รบกวนการสร้างคอลลาเจน รอยจ้ำ ปวดข้อ บาดแผลสมารตัวช้า ผิวหยาบเป็นขุย ผมแห้งชี้ฟู
-เลือดออกตามไรฟัน ฟันโยกได้ง่าย เลือดจางจากการที่มีวิตามินซีไม่เพียงพอในการช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก (non heme iron)
หากยังคงขาดวิตามินซีหรือได้รับวิตามินซีในแต่ละวันน้อยกว่ามาตรฐาน 10 มก. เป็นเวลานานติดต่อกันหลายสัปดาห์ มีผลรบกวนการเจริญเติบโตของกระดูกในเด็ก และส่งผลให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
แหล่งอาหารสุดยอดของวิตามินซี
อาหารจำพวกผักผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะละกอ กีวี ส้ม องุ่น สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ บรอคโคลี สับปะรด กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เป็นต้น นอกจากนั้น วิธีการปรุงอาหารก็สำคัญ เพราะความร้อนจากกระบวนการปรุงอาหารส่งผลทำลายวิตามินซีได้เช่นกัน หากเลือกทานได้ ควรเลือกทานผักหรือผลไม้สดแบบออแกนิคจะมีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่า แต่ถ้าจำเป็นต้องผ่านความร้อน ให้ใช้วิธีนึ่งอาหารแทนการต้ม เพื่อคงคุณค่าทางสารอาหารไว้ให้มากที่สุด
รูปแบบของวิตามินซีและข้อควรระวัง
วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ ดังนั้นร่างกายจึงสามารถขับวิตามินซีออกไปได้มากโดยเฉพาะทางปัสสาวะ ในบางคนอาจพบผลข้างเคียงจากการที่ดูดซึมวิตามินได้ไม่ดี เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ร่างกายขับสารอ็อกซาเลทและยูริกทางไตมากขึ้น ส่งผลให้เกิดนิ่วตามมาได้ ดังนั้นก่อนเลือกทานวิตามินซี ควรเลือกวิตามินซีรูปแบบที่ร่างกายดูดซึมได้ดี
วิตามินซีที่พบได้บ่อยมี 5 รูปแบบดังนี้
- Ascorbic acid (แอสคอบิค เอซิด) เป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยในอาหารเสริม และแบบที่สังเคราะห์ขึ้นมา
- Sodium ascorbate (โซเดียม แอสคอเบท) มักพบร่วมกับแอสคอบิค เอซิด เนื่องจากตัวโซเดียมถูกใช้ในการพาวิตามินซีเข้าสู่เซลล์
- Calcium ascorbate หรือ ester-C (แคลเซียม แอสคอเบท) รูปแบบนี้จะดูดซึมได้ดี ระคายเคืองกระเพาะอาหารน้อยกว่า
- Liposomal vitamin C (ไลโปโซมอล วิตามินซี) เป็นการจับวิตามินซีคู่กับสารไขมันเลซิติน ซึ่งคล้ายกับโครงสร้างของเซลล์ร่างกาย ช่วยให้การดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้ดีขึ้น
- Ascorbic acid with flavanoids คือรูปแบบที่ดีที่สุดสำหรับการดูดซึม โดยเลียนแบบหรือคงความเป็นวิตามินซีให้เหมือนธรรมชาติมากที่สุด เพื่อทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดี เป็นรูปแบบที่มีวิตามินซีร่วมกับแร่ธาตุ วิตามิน และสารฟลาวานอยด์ เมื่อดูดซึมได้ดีก็ทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารลดลง ตกค้างในระบบปัสสาวะน้อยลงด้วย
จะเห็นได้ว่าวิตามินซีก็ยังมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อผลดีต่อร่างกายและคุ้มค่าในการซื้อวิตามินซีรับประทาน ควรใส่ใจการอ่านสลากที่แสดงส่วนประกอบและมาตรฐานการผลิตก่อนซื้อ จะได้ไม่เสียเงินเปล่าพร้อมกับได้สารที่อันตรายต่อร่างกายมากกว่าประโยชน์แบบที่ตั้งใจไว้
There are no reviews yet.