ลดคอเลสเตอรอลด้วยเส้นใยอาหารจากธรรมชาติ ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol)
ความรู้สุขภาพปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารในปัจจุบันมีส่วนผสมที่มีไขมันคอเลสเตอรอลแฝงอยู่โดยเฉพาะอาหารมื้ออร่อย ไม่ว่าจะเป็นหมูกระทะ เนื้อติดมัน อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ ไข่แดง อาหารฟาสต์ฟู้ด ไอศครีม ขนมเบเกอรี่ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ที่บอกว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งนั้นเพราะคอเลสเตอรอลจากอาหารมีผลต่อต่อร่างกาย 20% ส่วนสาเหตุที่เหลือ 80% ที่ทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูงมาจากการทำงานของตับที่เสื่อมลงตามอายุที่มากขึ้น จะเห็นได้ชัดในคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ทำให้แนวโน้มคนเรามีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากขึ้นในขณะที่อายุเริ่มต้นเป็นก็น้อยลงแม้กระทั่งคนที่ภายนอกดูผอมหุ่นดี
คลอเลสเตอรอลสูงส่งผลอย่างไร
อาจเคยสงสัยที่คนนั้นคนนู้นบอกว่ามีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงแต่ก็เห็นเค้าแข็งแรงดี ไม่มีอาการผิดปกติอะไร คนส่วนใหญ่เลยคิดเองว่าคงไม่เป็นอะไร แต่ก็เคยได้ยินข่าวบ่อยๆใช่มั้ยว่าอายุน้อยๆมีอาการเจ็บหน้าอกหัวใจขาดเลือด (อ่านเพิ่มได้ที่ ปัญหาหัวใจ ปัญหาระดับโลก) หรือล้มแขนขาอ่อนแรงไปซีกหนึ่งหรือหน้าเบี้ยวเหมือนแม่พระเอกในละครโทรทัศน์ นั่นก็เพราะภาวะไขมันอุตตันเส้นเลือดเป็นสาเหตุหนึ่งนั่นเอง สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ยิ่งกว่าคือการที่ตรวจเลือดพบระดับคอเลสเตอรอลปกติแต่มีอาการได้ เพราะความจริงแล้วผลเลือดที่เครื่องตรวจวัดได้นั้นคือตรวจหาในเลือดแต่ไม่สามารถตรวจการฝังตัวของคอเลสเตอรอลที่ผนังเส้นเลือด(Plaque)ได้ว่าตีบไปมากน้อยเท่าไหร่แล้ว เปรียบกับท่อน้ำจะรับรู้ว่าน้ำไหลช้าลงก็เมื่อท่อน้ำตันไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว เหมือนกันกับร่างกายเราจะตระหนักอีกทีก็เมื่อมีอาการแล้ว และนอกจากนั้นไขมันยังไปเกาะตามที่ต่างๆได้ เช่น ไขมันพอกตับ หน้าท้อง ส่งผลเสียต่อเราได้เช่นกัน
ไฟโตสเตอรอล คืออะไร
ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol) มีโครงสร้างคล้ายคอเลสเตอรอล เป็นสารประกอบที่พบได้ในพืชจำพวก ธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง ผักและผลไม้ อธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือ สารโครงสร้างคล้ายกันแตกต่างกันที่แหล่งที่มาคือคอเลสเตอรอลมาจากสัตว์ แต่ไฟโตสเตอรอลมาจาพืช ไฟโตสเตอรอลมี 2 รูปแบบคือ สเตอรอล(sterol)และสตานอล(stanol) เนื่องจากโครงสร้างที่คล้ายกันเมื่อเข้าสู่ร่างกาย ไฟโตสเตอรอลจึงแย่งพื้นที่กับคอเลสเตอรอลในการดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ทำให้คอเลสเตอรอลที่รับประทานเข้าไปถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดน้อยลง ร่วมกับจับตัวกับคอเลสเตอรอลในน้ำดี ทั้งหมดขับออกไปทางอุจจาระ ทำให้ผลรวมของระดับคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือดลดลง
ไฟโตสเตอรอลเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเราอย่างไร
- ลดระดับคอเลสเตอรอล
- ลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งรังไข่ เต้านม กระเพาะ ปอด ลำไส้ จากฤทธิ์ของการต้านอนุมูลอิสระ(high anti-oxidant level)
ปริมาณไฟโตสเตอรอลที่แนะนำ
National Cholesterol Education Program (NCEP) และ American Heart Association สมาคมโรคหัวใจอเมริกาแนะนำให้รับประทานไฟโตสเตอรอลเป็นแพทย์ทางเลือกในกรณีที่มีข้อจำกัดในการรับประทานยาลดไขมันสแตติน(Statin) หรือทานร่วมกันเพื่อช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล โดยแนะนำให้ทานไฟโตสเตอรอลวันละ 2 กรัม จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลแอลดีแอล (LDL) หรือคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้ 10-14 % จึงคาดว่าจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดและหัวใจได้
ตัวอย่างแหล่งอาหารที่มีไฟโตสเตอรอล / 100 ก.
-ถั่วแดง 130 มก.
-ถั่วลิสง 217 มก.
-มะม่วงหิมพานต์ 158 มก.
-อัลมอนด์ 143 มก.
-ขนมปังไรย์สองแผ่น 33 มก.
-แอปเปิ้ล 1 ลูก 25 มก.
จากเบื้องต้นที่กล่าวไว้ว่าแหล่งอาหารที่มีไฟโตสเตอรอลคือ ธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง ผักและผลไม้ แต่การที่จะบริโภคอาหารเหล่านี้ให้ได้ปริมาณไฟโตสเตอรอล 2 ก. เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก จึงมีการเติมไฟโตสเตอรอลเข้าไปในอาหาร เช่น เนยมาการีนบางยี่ห้อ โยเกิร์ตบางตัว หรืออาหารเสริมที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากองค์การอาหารและยาของอเมริกา(FDA) เพื่อช่วยเสริมทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสรับไฟโตสเตอรอลได้ตามปริมาณที่แนะนำ
ทานไฟโตสเตอรอลแล้วมีผลข้างเคียงไหม
ผลข้างเคียงของการรับประทานไฟโตสเตอรอลยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุไว้ชัดเจน แต่อาจพบอาการท้องอืดได้เนื่องจากไฟโตสเตอรอลเป็นเส้นใยธรรมชาติที่อยู่ในผนังเซลล์พืช แก้โดยการเริ่มต้นทานทีละน้อย หรือดื่มน้ำตามปริมาณมาก ไม่มีผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ ดี อี และวิตามินเค อย่างไรก็ตามก่อนการรับประทาน ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะผู้ป่วยที่เคยมีภาวะลำไส้อุดตันและมียาที่รับประทานเป็นประจำ
การรับประทานยาเคมีลดไขมันไปตลอดไม่เป็นผลดีแน่ ไฟโตสเตอรอลเส้นใยอาหารจากธรรมชาติจึงเป็นการแพทย์ทางเลือกที่คนทั่วโลกหันมาทานกันมากขึ้น อย่างน้อยก็ช่วยลดผลเสียที่เกิดจากการทานยาเป็นประจำได้
There are no reviews yet.